หากท่านใดมีแพลนหรือกำลังสนใจจอยากมองหาอ่างอาบน้ำ อยากแช่น้ำในอ่างให้ผ่อนคลาย อาจจะไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง และมีเรื่องสำคัญอะไรให้ต้องพิจารณาก่อนบ้าง ลองอ่านบทความนี้ เป็นตัวช่วยการตัดสินดูไหมคะ

1. สำรวจพื้นที่ติดตั้งอ่างอาบน้ำ

เพราะบางบ้านมีพื้นที่จำกัดอย่างทาวน์เฮ้าส์ คอนโด ก็จะมีข้อจำกัดในการติดตั้งและมีเงื่อนไขในการเลือกซื้ออ่างอาบน้ำ ซึ่งหากห้องน้ำมีขนาดเล็ก พื้นที่ที่เหมาะกับการวางอ่างอาบน้ำจะเป็นพื้นที่ตรงฝักบัวอาบน้ำเดิม วัดขนาดพื้นที่ตรงที่จะเอาอ่างอาบน้ำไปวาง แล้วไปเลือกอ่างอาบน้ำที่เหมาะสมกับขนาดพื้นที่นั้น โดยขนาดของอ่างอาบน้ำที่มีความกว้างน้อยที่สุดอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร และความยาวน้อยที่สุดประมาณ 155 เซนติเมตร

2. เลือกรูปแบบอ่างอาบน้ำที่เหมาะสม

  • อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว: เป็นอ่างอาบน้ำที่วางตั้งบนพื้น บางยี่ห้อหรือบางรุ่นอาจมีขาตั้งยกให้อ่างอาบน้ำลอยขึ้นจากพื้น ให้อารมณ์คล้าย ๆ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับห้องน้ำอีกชิ้นหนึ่ง ให้อารมณ์หรูหรา ทันสมัย มีรูปทรงให้เลือกหลากหลาย ติดตั้ง ซ่อมแซม และทำความสะอาดได้ง่าย
  • อ่างอาบน้ำแบบฝัง: อ่างอาบน้ำแบบนี้จะเหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด การติดตั้งก็มีความยุ่งยากมากกว่าอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว ต้องมีการรื้อกระเบื้องปูพื้นในบริเวณที่จะติดตั้งออก เพราะทั้งน้ำหนักอ่างอาบน้ำ, น้ำ, คน และปูนที่ก่อ อาจทำให้กระเบื้องแตกได้ อีกทั้งยังต้องมีการก่อปูนยกสูงจากพื้นเพิ่มเติม เพื่อเป็นฐานรองอ่างอาบน้ำอีกด้วย

3. เลือกรูปทรงอ่างอาบน้ำที่ชอบ

รูปทรงของอ่างอาบน้ำ มีทั้งอ่างอาบน้ำทรงสี่เหลี่ยม เป็นทรงที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย อ่างอาบน้ำทรงกลม รูปร่างโค้งมนของอ่างอาบน้ำจะช่วยให้ห้องน้ำที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมอยู่แล้วดูสมูธขึ้น และอ่างอาบน้ำทรงเข้ามุมจะช่วยเพิ่มมิติให้กับห้องน้ำได้ ซึ่งจะเลือกรูปทรงแบบไหนขึ้นอยู่กับความชอบ และความเข้ากันกับดีไซน์การแต่งบ้าน ที่สำคัญอย่าลืมเรื่องขนาดของพื้นที่ที่จะติดตั้งด้วย

4. เลือกประเภทอ่างอาบน้ำที่ต้องการ

อ่างอาบน้ำมี 2 ประเภท คือ อ่างอาบน้ำธรรมดา และอ่างอาบน้ำวน หลัก ๆ แล้วจะแตกต่างกันที่ลักษณะการใช้งาน ซึ่งอ่างอาบน้ำธรรมดานั้น เน้นไปที่การแช่น้ำเพื่อผ่อนคลาย แต่อ่างอาบน้ำวน หรืออ่างจากุซซี่ (Jacuzzi) จะมีระบบอัดอากาศ ทำให้สามารถปล่อยอากาศออกมาจากตัวอ่างและเกิดน้ำวน ซึ่งจะเป็นเหมือนเครื่องนวดตัว เพื่อคลายความเหนื่อยล้า แต่อ่างอาบน้ำวนจะมีราคาสูงและมีขนาดใหญ่กว่าอ่างอาบน้ำแบบปกติ

5. วัสดุที่เหมาะสมและทนทาน

  • อะคริลิก: เป็นวัสดุที่นิยมทำอ่างอาบน้ำมากที่สุด เพราะมีความแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี มีน้ำหนักเบา และดูแลทำความสะอาดง่าย อีกทั้งอ่างอาบน้ำที่ทำจากอะคริลิกยังมีหลากหลายรูปทรงและสีสันให้เลือกใช้
  •  ไฟเบอร์กลาส: มีรูปทรงให้เลือกหลากหลาย มีน้ำหนักเบา ราคาไม่แพง และความแข็งแรงจะน้อยกว่าอ่างอาบน้ำที่ทำจากอะคริลิก
  •  พอร์ซเลน: เป็นวัสดุที่มีผิวมัน จึงทำให้ดูสวยงาม มีความแข็งแรง ทนทานมากเป็นพิเศษ แต่ปัจจุบันเริ่มไม่นิยมเลือกใช้กันเท่าไหร่แล้ว เพราะอ่างอาบน้ำที่ทำจากพอร์ซเลนมีน้ำหนักมาก และราคาค่อนข้างสูง
  • อ่างอาบน้ำที่ผลิตจากวัสดุอื่น ๆ เช่น ทองเหลือง ทองแดง หินอ่อน ไม้ เป็นอ่างอาบน้ำที่ออกแบบมาเพื่อตกแต่งห้องน้ำให้ดูสวยงาม ไม่เหมาะกับการนำมาใช้งานจริง เพราะดูแลรักษาค่อนข้างยาก อีกทั้งยังราคาสูงด้วย

6. การรับน้ำหนักของโครงสร้าง

เพราะทั้งน้ำหนักของอ่างอาบน้ำรวมกับน้ำหนักของน้ำที่เต็มอ่างจะมีน้ำหนักมาก ซึ่งตามกฎหมายการรับน้ำหนักบรรทุกจร*ขั้นต่ำของพื้นบ้านพักอาศัยอยู่ที่ 150 กิโลกรัม / ตารางเมตร วิธีคิดง่าย ๆ ว่าพื้นบ้านจะสามารถรับน้ำหนักได้หรือไม่ โดยการใช้น้ำหนักรวมของอ่างอาบน้ำ (น้ำหนักของอ่างอาบน้ำ + น้ำหนักของน้ำที่ใส่เต็มอ่าง + น้ำหนักคนที่จะแช่ในอ่าง) หารด้วยพื้นที่ของอ่างอาบน้ำ แล้วดูว่าหนักเกินค่าการรับน้ำหนักของพื้นบ้านตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าน้ำหนักเกินอาจจะต้องมีการเสริมโครงสร้างเพื่อให้สามารถรับน้ำหนักเพิ่มได้ ข้อนี้ควรดูแบบโครงสร้างของบ้าน และปรึกษาวิศวกรก่อนลงมือติดตั้งนะคะ

(*น้ำหนักบรรทุกจร (Live Load) คือ น้ำหนักที่กระทำบนโครงสร้างอาคารแบบชั่วคราว และไม่คงที่ มักหมายถึง คน สัตว์ ยานพาหนะ และสิ่งของต่าง ๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงน้ำหนักหรือเคลื่อนย้ายได้ โดยในระบบวิศวกรรม จะมีการออกแบบโครงสร้างให้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกจรไว้ตามประเภทของการใช้งานอาคาร (นอกเหนือจากน้ำหนักบรรทุกคงที่ของอาคารที่มีอยู่แล้ว) โดยหน่วยของค่าน้ำหนักจะกำหนดเป็น “กิโลกรัมต่อตารางเมตร”)

ขอบคุณ ข้อมูลดีๆจากเว็บไซต์ baanandbeyond.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *